พงศกร เชื้อหมอดู
เรื่องโดย พนมพร เชื้อหมอดู (พ่อของเอิร์ท) | 17 กุมภาพันธ์ 2563
(พงศกร เชื้อหมอดู “เอิร์ท”)

ค่ำคืนหนึ่งในเดือนกรกฏาคม 2559 ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลปทุมธานี หลังจากที่ผมได้พาลูกชาย คือ น้อง “เอิร์ท” พงศกร เชื้อหมอดู มาส่งโรงพยาบาล เนื่องจากน้อง “เอิร์ท” ประสบอุบัติเหตุ ผมยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระสับกระส่าย ได้แต่ภาวนาให้ลูกรอดปลอดภัยจากอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วยเถอะ เวลาผ่านไปสักครู่ คุณหมอก็ได้เรียกผมเข้าไปคุยด้วย

เวลา ๕ ทุ่ม กว่าๆ มันช่างเป็นคืนที่แสนจะโหดร้าย บีบเค้นหัวจิตหัวใจของผมเสียเหลือเกิน หลังสิ้นเสียงคุณหมอที่บอกให้ผมทำใจ และได้อธิบายถึงอาการของ “เอิร์ท” ด้วยภาษาทางการแพทย์ แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่า “เอิร์ท” อาการหนักมากเนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สมองน้องไม่ตอบสนอง หรือสภาวะ “สมองตาย” พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ น้องไม่รอดใช่ไหมครับ สิ้นเสียงคุณหมอผมยื่นนิ่ง พูดในใจกับตัวเองว่า นี่ “เอิร์ท” ไม่รอดแน่ๆ ใช่ไหม “เอิร์ท” จะต้องตายแน่ๆ ใช่ไหม จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ทันใดนั้น ใจก็นึกขึ้นมาได้ว่า “บุญ บุญ ให้ เอิร์ท ได้ทำบุญ ทำบุญสิ ทำบุญสิ” สิ้นคำว่าทำบุญสิ ผมก็ได้ยินเสียงพยาบาลที่มายืนอยู่ข้างๆ ผมตอนไหนก็ไม่ทราบถามผมว่า "คุณพ่อค่ะ น้องเขาทำเรื่องบริจาคดวงตาไว้กับที่ไหนไหมค่ะ" ตอนนั้นผมยืนฟังเฉยๆ ยังไม่ทันตอบอะไร ขณะนั้นในใจของผมก็นึกขึ้นมาอีกว่า “ทำบุญ ทำบุญ บริจาคเลย บริจาคเลย ให้ไปทั้งหมดเลย ร่างกายของ “เอิร์ท”ด้วย ให้ไปให้หมดเลย “เอิร์ท”ได้ทำบุญ ทำบุญเลย "

สิ้นเสียงความคิด ผมก็หันหน้ามาตอบคุณพยาบาลว่า "ผมยินดีที่จะบริจาคดวงตาของลูกผมครับ และผมก็ขอบริจาคร่างกายของลูกผมด้วยทั้งหมดเลยครับ อะไรที่ทำประโยชน์ช่วยคนได้ ให้หมดเลยครับ" แล้วผมก็เดินออกไปหาภรรยาผม แล้วก็พูดว่า "แม่ แม่ต้องทำใจนะ “เอิร์ท” อาการหนักมาก สมองได้รับการกระทบกระเทือน อย่างรุนแรง สมองลูกไม่ตอบสนอง คุณหมอบอกว่าสภาวะสมองตาย พ่อก็เลยอยากให้ “เอิร์ท” ได้ทำบุญด้วยตัว“เอิร์ท”เองเป็นครั้งสุดท้าย พ่อก็เลยขออนุญาตแม่บริจาคดวงตาและอวัยวะทั้งหมดที่ใช้ประโยชน์ได้ช่วยชีวิตคนอื่นดีกว่าเอาไปเผาทิ้งเปล่าๆ และ เพื่อจะให้ “เอิร์ท” มีบุญติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป สิ้นเสียงผมได้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องให้ดังระงม สะอึก สะอื้น ไปตามๆ กัน"

วันรุ่งขึ้น ผมรีบมาที่โรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อมาเยี่ยมลูกและเซ็นหนังสือยินยอมการบริจาคอวัยวะของลูกชายให้เรียบร้อย หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปเยี่ยม “เอิร์ท” ผมยืนอยู่ข้างๆ เตียงลูก หันหน้าไปมองใบหน้าลูก น้ำตามันก็ไหลรินออกมาโดยไม่รู้สึกตัวเลย ผมยื่นมือมาลูบใบหน้าลูก พร้อมกับเสียงสะอึก สะอื้น อยู่ในลำคอ น้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมาอาบแก้มผมอีก ผมยื่นมือมาปาดเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วก็ก้มลงจูบหน้าผาก “เอิร์ท” แล้วพูดกับ “เอิร์ท” ว่า “เอิร์ท ลูกพ่อ ขอบคุณเอิร์ทที่มาเกิดเป็นลูกของพ่อ ขอบคุณที่เป็นต้นแบบในการเสียสละ ขอบคุณในหัวใจของการเป็นผู้ให้ของเอิร์ท ลูกกล้าที่จะเป็นผู้ให้ พ่อคนนี้ก็กล้าที่จะขอเป็นผู้ให้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน พ่อปณิธานต่อหน้าลูกว่า พ่อจะรักษาศีล ปฏิบัติธรรมตลอดชีวิตและ ขอบริจาคอวัยวะทั้งหมดนี้ของพ่อให้สภากาชาดไทยเพื่อขออุทิศผลบุญกุศลให้กับ “เอิร์ท”และขอให้“เอิร์ท” อนุโมทนาบุญใหญ่ในครั้งนี้ด้วยนะลูกนะ"

คืนนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่่ร่ำลากับ “เอิร์ท” ตอนนี้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของ “เอิร์ท” ร้อยกว่าคน ต่างก็ร้องไห้ สะอึกสะอื้นประสานเสียงกันดังระงมลั่นห้องกันไปหมด บ้างคนอดรนทนไม่ไหว ก็ได้แต่แอบมายืนร้องไห้ ข้างนอกห้อง หลังลิฟท์บ้าง ดูแล้วมันช่างเป็นภาพที่สลดหดหู่เสียจริงๆ ผมก็ยืนพนมมือบอกลูกเป็นครั้งสุดท้ายว่า "ลูกเอ๋ย ได้เวลาแล้วที่พ่อแม่ พี่น้องและเพื่อนๆทุกคนมาส่ง “เอิร์ท” ได้สร้างบุญกุศลใหญ่นี้ ขอให้ลูกจงอนุญาต และให้การผ่าตัดการบริจาคอวัยวะของลูกเพื่อช่วยเหลือให้ชีวิตคนอื่นๆ ในวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พ่อ แม่ และทุกๆ คนที่นี้ขออนุโมทนาในบุญกุศลของ“เอิร์ท”ด้วยนะลูก"

จนเวลาล่วงเลยมาถึงตี ๓ กว่าๆ ของอีกวัน การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นโดยดี “เอิร์ท” ได้บริจาค ดวงตา ๒ ข้าง หัวใจ ๑ ดวง และไต ๒ ข้าง ไปช่วยเหลือคนอื่นเรียบร้อยแล้ว ผมกับภรรยา ตลอดญาติและเพื่อนๆ ยืนรอ “เอิร์ท” ทุกสายตาได้แต่มองไปที่ “เอิร์ท” พูดอะไรไม่ออก บรรยากาศอยู่ในความเงียบ ผมก็พูดขึ้นว่า “เอิร์ท” พ่อ แม่ และทุกๆ คนในที่นี้ขออนุโมทนาบุญกับ “เอิร์ท” ด้วยนะครับ สาธุ "พรุ่งนี้ พ่อกับแม่จะมารับ “เอิร์ท” นะลูก

นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมรักษาศีล ปฏิบัติธรรมภาวนาทุกวันไม่เคยขาด และได้แจ้งความจำนงบริจาคอวัยวะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมดังปณิธานที่ตั้งใจไว้

สรุป การให้ของลูกในวันนั้น ได้เปลี่ยนหัวใจของพ่อในวันนี้ โดยสิ้นเชิง
๑. ได้ปฏิบัติธรรม ภาวนา รักษาศิล ตลอดชีวิต เพื่ออุทิศให้ลูกได้อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำได้ ธรรมะที่ไม่เคยเห็นไม่เคยเข้าใจ บัดนี้ ก็ได้เห็นได้พบตามภูมิธรรมของตนเองแล้ว เช่น สภาวะธรรม "ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข - ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์"

๒. การให้ของลูกชายได้เป็นต้นแบบที่จะให้พ่อคนนี้ได้เดินตามเป็นแบบอย่างของผู้ให้เช่นลูกบ้าง ทุกวันนี้เลยต้องออกกำลังกายทุกๆ วันไม่เคยขาดเพื่อให้อวัยวะที่ได้ทำเรื่องบริจาคไว้แข็งแรง สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหากวันนั้นมาถึง คนที่รับอวัยวะไปก็จะได้ใช้อวัยวะที่แข็งแรง สมบูรณ์ที่สุด เพื่อชีวิตใหม่ และครอบครัวในอนาคตต่อไปครับ

ท้ายนี้ ก็ขอเชิญชวนท่านผู้มีหัวใจเป็นบุญเป็นกุศลทุกๆ ท่าน ได้มาร่วมหว่านเมล็ดพันธุ์ ที่ชื่อว่า “ให้” ให้งอกงามเจริญเติบโต เบ่งบานในหัวใจ ทุกๆ คนนะครับ