ปุณฑริกา ไชยธวัชพงษ์
เรื่องโดย ปุณฑริกา ไชยธวัชพงษ์ | 17 กุมภาพันธ์ 2563
(ป่วยเป็นโรคไตวายตั้งแต่อายุ ๒๕ ปี)

 

(ชีวิตใหม่หลังการปลูกถ่ายไต)

 

สวัสดีค่ะ ดิฉัน “น.ส.ปุณฑริกา ไชยธวัชพงษ์” ปัจจุบันอายุ ๔๒ ปี เป็นคนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคไตวายสาเหตุจากภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านไตตัวเอง ตั้งแต่อายุ ๒๕ ปี รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาตามอาการจนไตไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติอีกแล้ว ต้องเข้ารับการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓

ช่วงระยะเวลาที่รักษาด้วยการฟอกเลือดทรมานมากค่ะ ต้องฟอกเลือดอาทิตย์ละ ๓ วัน และต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำเส้นเลือดสำหรับใช้แทงเข็ม (ผู้ป่วยโรคไตเรียกกันว่า เส้นชีวิต) เพื่อฟอกเลือด นำน้ำและของเสียออกจากร่างกาย เวลาแทงเข็มเจ็บมาก เข็มใหญ่มาก วันไหนดวงไม่ดีโดนแทงเส้นฟอกเลือดแตก แขนบวมและปวดมาก ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ไปไหนมาไหนลำบากมาก ต้องควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำดื่ม เนื่องจากไตไม่สามารถขับปัสสาวะได้ วันไหนดื่มน้ำมากไป ก็ต้องนั่งหลับ เพราะน้ำในร่างกายเกิน จะนอนราบไม่ได้ เพราะจะทำให้หายใจไม่ออก บางคนดื่มน้ำเยอะเกิน ก็มีอาการน้ำท่วมปอด บางครั้งระหว่างฟอกเลือด วันไหนดึงน้ำดึงของเสียในร่างกายออกมากๆ ก็จะเป็นตะคริว ปวดเกร็งมากค่ะ ยังมีอาการอื่นๆ อีก เช่น ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำบ้าง ความดันโลหิตสูงบ้าง แบบว่ารักษาชีวิตกันวันต่อวันก็ว่าได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดฟอกเลือดได้ ต้องฟอกเลือดไปตลอดชีวิต

จนคุณหมอแนะนำให้ปลูกถ่ายไต แต่ไม่มีคนในครอบครัวที่สามารถบริจาคไตให้ดิฉันได้ จึงต้องรอไตจากผู้บริจาค ระหว่างรอปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคก็ต้องส่งเลือดให้ทางสภากาชาดไทยทุกเดือน และต้องพยายามดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เตรียมพร้อมเพื่อเฝ้ารอว่าหากสักวันนึงมีผู้ใจดีบริจาคอวัยวะ ที่มีเนื้อเยื่อตรงกับของเรา และเรามีบุญวาสนามีโอกาสได้รับการปลูกถ่ายไต เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

และแล้ว...วันที่ดิฉันจำได้ไม่มีวันลืม หลังจากฟอกเลือดมาได้ ๕ ปี วันนั้นเป็นวันเสาร์ พยาบาลโทรมาแจ้งว่ามีไตบริจาคที่มีเนื้อเยื่อเข้ากับเราได้ ให้รีบมาโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องรออีก เพราะว่าเราอยู่อันดับที่ ๒ เนื่องจากทางโรงพยาบาลจะตามผู้ป่วยรอไตมาพร้อมกันหลายคน บางคนต้องรีบเดินทางมาจากต่างจังหวัดเลยก็มี เพราะต้องมีการตรวจเนื้อเยื่อผู้บริจาคกับเลือดของเรา (ที่ส่งมาทุกเดือน) ว่าเข้ากันได้หรือไม่ และต้องตรวจร่างกายกันอีกว่าสุขภาพของเราตอนนั้นพร้อมหรือไม่ ระหว่างรอผลตรวจได้แต่ลุ้นอยู่ในใจ รอจนเวลาน่าจะทุ่มกว่า ๆ คุณหมอก็มาแจ้งว่าเราได้ไตบริจาค เพราะคนที่อยู่คิวแรกสุขภาพไม่พร้อม

วินาทีนั้น ดีใจที่สุดในชีวิต ไม่มีความรู้สึกดีใจครั้งไหนเทียบได้กับครั้งนี้

เหมือนเป็นความฝัน แต่เป็นความจริง ความจริงที่เรารอคอยมานานอย่างมีความหวัง อยากให้เจ้าหน้าที่รีบเข็นเตียงเราเข้าห้องผ่าตัดเร็ว ๆ ไม่รู้สึกกลัวการเข้าห้องผ่าตัดเลย (ก่อนหน้านั้น ร้องไห้ทุกครั้งที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด ทำไมเรานี้ช่างโชคร้ายนัก ทำไมต้องเป็นเราที่ต้องทนทุกข์ทรมาน)

ผ่านไปประมาณ ๖ ชม. ออกจากห้องผ่าตัดมาห้องพักฟื้น ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยค่ะ มีความสุขมาก อาหารของโรงพยาบาลอร่อยมาก ต่างจากทุกครั้งที่ต้องนอนโรงพยาบาลรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเลย และที่สำคัญเรามีปัสสาวะแล้ว หลังจากนั้น ร่างกายเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แข็งแรงขึ้น จนคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้

ดิฉันปลูกถ่ายไตมาครบ ๔ ปี แล้ว สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีขึ้นมาก ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น สามารถทำงานได้ มีโอกาสได้ท่องเที่ยวในที่อยากไปมานานแต่ไปไม่ได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาก ๆ

ขอบกราบขอบพระคุณสภากาชาดไทย และโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เข้ามาดูแลรักษาและแนะนำช่วยเหลือผู้ป่วยโรคร้ายแรงอีกหนึ่งชีวิต และอีกหลาย ๆ ชีวิตที่เฝ้ารออย่างมีความหวัง ความหวังที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

สุดท้ายนี้ ขอกราบขอบพระคุณผู้บริจาคอวัยวะ (ไต) ให้กับข้าพเจ้า ท่านได้ทำมหาบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ท่านให้ “ชีวิตใหม่” กับเพื่อนมนุษย์อีกหนึ่งชีวิต หรืออีกหลายชีวิต ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายอวัยวะ ได้มีโอกาสดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก

ดิฉันสัญญาว่า “จะดูแลอวัยวะอันมีค่านี้อย่างดีที่สุดค่ะ”