รหัท อุดมเวศย์
เรื่องโดย รหัท อุดมเวศย์ | 17 กุมภาพันธ์ 2563
(ชีวิตในไอซียู อยู่ไปวันต่อวัน รอการปลูกถ่ายหัวใจ)
(วันที่ครอบครัวของผมกลับมามีชีวิตที่สดชื่นอีกครั้งหนึ่ง กับภรรยาและบุตรสาวฝาแฝด)

วันที่ผมลุกขึ้นยืนได้ ภรรยาของผมร้องไห้….และผมไม่เคยคิดเลยมาก่อนเลยว่าการได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งจะกลายเป็นความฝันสูงสุด
ผมมีอาการหัวใจโตมาตั้งแต่กำเนิด ทุกวันนี้ผมกลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนวิชาการวิศวกรรม กรมประชาสัมพันธ์ ผมได้กลับมาเป็นพ่อของลูกสาวแฝดวัย ๒ ขวบ ๖ เดือน ได้กลับมาเป็นสามีของภรรยาผู้รอคอย ได้กลับมาเป็นลูกชายของพ่อและแม่ที่อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผมได้กลับบ้านทุกวัน

ก่อนหน้านี้ผมเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลศิริราช นานถึงห้าเดือนเต็มๆ มีโอกาสรอดชีวิต ๕๐/๕๐ มา ๕ ครั้ง หัวใจผมอ่อนแรงจนหยุดเต้นสองครั้ง ครั้งละ ๔๐ นาทีและ ๔๕ นาที ทีมหมอและพยาบาลนับสิบคนช่วยกันปั๊มหัวใจผมขึ้นมา ผมได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินใส่เครื่องพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ (Extracorporeal membrane oxygenation: ecmo) สองครั้ง ผ่านการผ่าตัดอันแสนเจ็บปวดหลายรอบ คนมาเยี่ยมบอกว่าเห็นสายและท่อต่อทุกส่วนในร่างกาย ผมคือร่างกายที่อยู่ได้เพราะเครื่องมือแพทย์

ทางรอดเดียวเท่านั้นของผมคือ การปลูกถ่ายหัวใจ…

ไม่มีสถานที่ไหนที่เวลาจะยาวนานเท่ากับเตียงนอนในห้องไอซียู ผมมองเห็นผู้คนจากไปเพราะรอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะไม่ไหว ผมมองเห็นน้ำตาของญาติคนไข้เมื่อคนที่เขารักจากไป ทุกๆวันผมได้แต่ถามว่าเมื่อไรการรอคอยนี้จะสิ้นสุดลง

หลังจากรอคอยมานานหลายเดือน วันหนึ่งในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ผมได้รับการปลูกถ่ายหัวใจดวงใหม่ แต่หัวใจกลับเต้นอ่อนแรงจนต้องใส่เครื่อง ecmo เป็นครั้งที่สาม ๒๔ ชั่วโมงหลังผ่าตัด ผมเสียเลือดมาก ถูกนำเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเย็บแผลอีกสองครั้ง พร้อมกับคำวินิจฉัยว่าผมอาจต้องได้รับการปลูกถ่ายหัวใจอีกครั้ง หากหัวใจดวงใหม่นี้ไม่ฟื้นตัว

แต่ในที่สุดหัวใจดวงนี้ก็ฟื้นตัวกลับมาเต้นอีกครั้ง… ทุกคนเรียกสิ่งนี้ว่าปาฏิหาริย์ สำหรับผมแล้วปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นได้เพราะความเสียสละของผู้บริจาคอวัยวะ

ปีที่แล้วที่ผมและภรรยาได้มาร่วมงาน “วันศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย” เราได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับญาติผู้บริจาคอวัยวะ ภรรยาผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ตลอดเวลา เธอบอกว่าเธอมากับผมซึ่งเป็นคนรัก แต่ญาติผู้บริจาคมาเพียงลำพังเพราะคนรักของพวกเขาจากไปแล้ว

ภายใต้ความเศร้าลึกนี้ ผมได้ยินญาติผู้บริจาคอวัยวะบอกเล่าว่าพวกเขาภูมิใจแค่ไหนที่ได้เห็นว่า ผมและคนที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะท่านอื่นๆ มีชีวิตที่ปกติสุข เรามารวมตัวกันเพื่อทำบุญประจำปีให้ผู้ล่วงลับ และจะเป็นอย่างนี้ไปทุกปีจนกว่าลมหายใจจะหาไม่

ทุกวันนี้ครอบครัวเรามีความสุขมาก ผมได้สัมผัสความรู้สึกที่ร่างกายมีเรี่ยวแรง และได้เข้าใจว่าด้วยร่างกายที่แข็งแรง เราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ภรรยาบอกผมเสมอว่า ร่างกายของผมมีหัวใจของคนที่ดีที่สุดอยู่ ผมจึงควรใช้ชีวิตให้มีค่าเพื่อที่การจากไปของเขาจะไม่สูญเปล่า

มีเรื่องราวเล็กๆอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากขอแบ่งปัน ท่ามกลางการรอคอยหัวใจดวงใหม่อันยาวนาน มันคล้ายกับว่าผมกำลังรอให้มีคนจากไป เพื่อผมจะได้มีลมหายใจต่อไป ความกระอักกระอ่วนใจนี้สร้างความรู้สึกผิดลึกๆ ขึ้น

วันที่หมอแจ้งว่ามีหัวใจที่เหมาะกับผมแล้ว และผมต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ความรู้สึกแรกคือความเสียใจอย่างยิ่ง ผมนึกไม่ออกเลยว่าญาติของผู้บริจาคจะเสียใจแค่ไหน ต่อมาความเสียใจนี้ได้กลายเป็นกำลังใจว่าผมจะต้องรอด เพื่อเป็นพยานว่าหัวใจของผู้บริจาคจะไม่ถูกทำให้ไร้ค่า เพราะผมกลับไม่รอดชีวิต

ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ผมสวดมนต์ขอให้ผู้บริจาคอวัยวะคุ้มครองผม และขอให้ความตั้งใจของเขา ที่อยากให้หัวใจนี้มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์กลายเป็นความจริง ผมจะรอดออกมาจากห้องผ่าตัด

อย่างที่ท่านเห็นว่าผมได้หายใจอีกครั้ง และผมได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อบอกเล่าว่า การบริจาคอวัยวะเป็นการทำบุญอันยิ่งใหญ่เพียงใด
ด้วยความซาบซึ้งใจจนไม่มีคำไหนจะเปรียบเทียบได้
ความรู้สึกนี้ยิ่งใหญ่นัก….มีคนแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จักมอบชีวิตใหม่ให้
ทุกลมหายใจเข้าออก…ผมขอขอบคุณอย่างยิ่งครับ