วรชาติ ขันตระกูล
เรื่องโดย ณัฐกนก รัตนวิชัย (แม่ของโอ๊ต) | 17 กุมภาพันธ์ 2563
(วรชาติ ขันตระกูล)
(ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยมอบเกียรติบัตรสภากาชาดไทย พร้อมพวงหรีด)

“แม่ พี่โอ๊ต อยู่โรงพยาบาล”
สิ้นเสียงที่ได้ยิน แม่ก็ใจหายวาบ เมื่อเช้า “โอ๊ต” ยังมาช่วยแม่ติดพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง ร. ๙ ที่บ้านอยู่เลย

คนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ลูกมีอาการชักตอนที่ขับรถอยู่ รีบส่งไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่อาการหนักมาก ต้องย้ายรักษาต่อไปโรงพยาบาลใหญ่

เมื่อไปถึง คุณหมอรีบมาดู ส่งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง และตรวจอะไรอีกเยอะแยะ แม่ได้แต่นั่งคอยด้วยความเป็นห่วง จนค่ำแล้ว คุณหมอก็มาเชิญไปคุยด้วย หมอบอกว่า จากการตรวจทั้งหมดและผลการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองแล้ว อาการหนักเกินกว่าที่จะรักษาได้ เพราะ “โอ๊ต” ไม่รู้สึกตัวแล้ว คุณหมอบอกว่าสมองไม่ทำงานหรือเรียกว่า “สมองตาย”

คุณหมอพูดต่ออีกว่า ถึงแม้ “โอ๊ต” จะสมองตาย แต่อวัยวะของ “โอ๊ต” ยังทำงานอยู่ และอาจจะเอาไปช่วยเหลือคนอื่นได้ แล้วหมอก็บอกให้ฟังว่า อวัยวะจากผู้ที่สมองตายแบบนี้ เช่น หัวใจ ตับ ไต ดวงตา สามารถเอาไปปลูกถ่ายให้กับคนที่ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ได้ และถามความเห็นของแม่เรื่อง “บริจาคอวัยวะ” และให้รายละเอียดอื่น ๆ อีกเยอะ

แม่ขอเวลาคุณหมอก่อน

“เป็นไปได้ยังไง ลูกแม่ยังนอนหลับสบายอยู่ จะจากไปได้ยังไง แล้วต่อไปนี้ใครจะมาช่วยดูแลแม่ น้องอ้อม (ด.ญ.กฤติยา ขันตระกูล บุตรสาวคุณวรชาติ) ก็ยังเด็กอยู่ “โอ๊ต” จะจากไปก่อนแม่และน้องอ้อม ไม่ได้นะลูก” แม่ได้แต่รำพึงคนเดียว

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนแม่ตั้งตัวเกือบไม่ทัน ทำไมคนดีอย่างลูกแม่ถึงอยู่ได้ไม่นาน ลูกเป็นเด็กดี ขยัน ดูแลแม่และครอบครัว ช่วยแม่ค้าขายสม่ำเสมอ ไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจ

แต่ในใจลึก ๆ ก็คิดถึงที่คุณหมอบอกว่า “บริจาคอวัยวะเป็นการทำบุญช่วยชีวิตคนอื่น เป็นการทำบุญใหญ่ เพราะเป็นการให้ชีวิตใหม่” ผลบุญนี้ก็จะส่งผลไปให้ลูกด้วย

แม่คิดถึงน้าติ๋มขึ้นมาทันที น้าติ๋มเป็นพยาบาล ต้องมีความรู้เรื่องนี้มากกว่าแม่แน่ ๆ แล้วน้าติ๋มก็เป็นที่พึ่งที่ดีให้แม่ น้าติ๋มเห็นด้วยเรื่องการบริจาคอวัยวะของลูก แต่ก็ให้แม่เป็นคนตัดสินใจสุดท้าย

“บริจาคอวัยวะเป็นการทำบุญใหญ่” คำพูดของคุณหมอผุดขึ้นมาอีกที

แม่จะทำบุญนะลูก ลูกเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ลูกคงเห็นด้วยกับแม่ และอานิสงส์ของการบริจาคอวัยวะ “โอ๊ต” ของแม่ จะได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีต่อไปนะลูก ไม่ต้องห่วงน้องอ้อม แม่จะดูแลให้เค้าเป็นเด็กดีเหมือนพ่อ

ดึกแล้ว ที่แม่ต้องเซ็นชื่อยินยอมบริจาคอวัยวะของลูก เป็นลายเซ็นที่เขียนได้ยากมาก แต่เมื่อเราไม่มีโอกาสอยู่ต่อไป เราให้โอกาสคนอื่นอยู่ต่อไปแทนนะลูก

หลังจากนั้น คุณหมอก็อธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ว่าต้องทำอะไรต่อไปบ้าง เช่น คุณหมอจะตรวจยืนยันภาวะสมองตายตามเกณฑ์ ตรวจการทำงานของอวัยวะต่างๆ ดูแลให้อวัยวะทำงานได้ดี ผู้ที่ได้อวัยวะไปจะได้ฟื้นตัวได้เร็ว มีสุขภาพแข็งแรง และประสานงานกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

วันที่แม่มารับลูกออกจากโรงพยาบาล มีพยาบาลของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยมามอบเกียรติบัตรสภากาชาดไทย พร้อมทั้งพวงหรีด และแจ้งแม่ว่า “ตับ ไต ๒ ข้าง ลิ้นหัวใจ และกระจกตา ของคุณวรชาติ ขันตระกูล สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ ๗ คน” แม้จะเสียใจมากที่ “โอ๊ต” จากไป แต่แม่ก็ภาคภูมิใจที่ลูกได้ช่วยชีวิตคนอื่นได้อีก ๗ คน

เรื่องที่แม่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนอีกเรื่องคือ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่น้องอ้อมมารับพระราชทานประกาศนียบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์สภากาชาดไทย นับเป็นมงคลกับครอบครัวเราอย่างที่สุด

มาคิดทบทวนอีกที การทำบุญครั้งนี้ แม่คิดว่าเรา “ให้” แล้ว เรายัง “ได้” ด้วยนะลูก

แม้จะผ่านไปกว่า ๒ ปีแล้ว แม่ยังระลึกถึงลูกเสมอนะ

จาก... แม่